นางเบ็ต เนสมิธ เกรแฮม (Bette Nesmith Graham) ทำงานในหน้าที่เลขานุการเวลาที่เธอพิมพ์งานผิด เธอต้องเจอกับปัญหาการพิมพ์ผิด
ซึ่งเธอใช้ยางลบดินสอเป็นตัวช่วยลบทำให้การทำงานทั้งล่าทั้งช้า และไม่เรียบร้อย ต่อมามีเครื่องพิมพ์ดีดไฟฟ้าออกมาใช้ คราวนี้เธอเผชิญปัญหาหนักกว่าเก่า
เพราะไม่สามารถใช้ยางลบดินสอลบทำผิดได้อีกต่อไป ต้องพิมพ์ใหม่สถานเดียว เธอจึงหาทางแก้ไขปัญหานี้ด้วยการประดิษฐ์น้ำยาลบคำผิดขึ้นมา
ในปี ค.ศ.1950 เธอก็ค้นพบวิธีทำน้ำยาลบหมึกแบบง่าย เพียงใช้สีน้ำสีขาวบรรจุลงในขวดน้ำยาทาเล็บ ใช้พู่ป้ายน้ำยาทาเล็บป้ายสีขาวลงบนกระดาษ
แค่นี้คำผิดก็ลบไป พิมพ์ซ้ำทับได้แนบเนียน ใช่งาย รวดเร็ว และแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ บรรดาเพื่อนร่วมงานเห็นเช่นนั้น ก็ขอน้ำยาลบหมึกของเธอมาใช้กันบ้าง
และนี่ก็คือจุดกำเนิดน้ำยาป้ายคำผิด Liquid Paper
เมื่อมีความต้องการน้ำยาป้ายคำผิดมากๆ นางเกรแฮมจึงพัฒนาสีน้ำสีขาว และทำการผลิตที่บ้านออกจำหน่าย ด้วยการผสมสีขาวลงในเครื่องปั่น กรอกใส่ขวดยาทาเล็บ
เป็นอุสาหกรรมครอบครัวยาวนานถึง 17 ปี ต่อมาในปี ค.ศ.1979 เธอได้ขายกิจการให้บริษัทยิลเล็ต (Gillette) ในราคาที่สูงถึง 47.5 ล้านดอลลาร์
โดยสามารถผลิต Liquid Paper ได้ถึง 25 ล้านขวด ออกจำหน่ายไปทั่วโลก
แหล่งที่มาของข้อมูล
http://noo-ddd.blogspot.com/2011_04_01_archive.html
ซึ่งเธอใช้ยางลบดินสอเป็นตัวช่วยลบทำให้การทำงานทั้งล่าทั้งช้า และไม่เรียบร้อย ต่อมามีเครื่องพิมพ์ดีดไฟฟ้าออกมาใช้ คราวนี้เธอเผชิญปัญหาหนักกว่าเก่า
เพราะไม่สามารถใช้ยางลบดินสอลบทำผิดได้อีกต่อไป ต้องพิมพ์ใหม่สถานเดียว เธอจึงหาทางแก้ไขปัญหานี้ด้วยการประดิษฐ์น้ำยาลบคำผิดขึ้นมา
ในปี ค.ศ.1950 เธอก็ค้นพบวิธีทำน้ำยาลบหมึกแบบง่าย เพียงใช้สีน้ำสีขาวบรรจุลงในขวดน้ำยาทาเล็บ ใช้พู่ป้ายน้ำยาทาเล็บป้ายสีขาวลงบนกระดาษ
แค่นี้คำผิดก็ลบไป พิมพ์ซ้ำทับได้แนบเนียน ใช่งาย รวดเร็ว และแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ บรรดาเพื่อนร่วมงานเห็นเช่นนั้น ก็ขอน้ำยาลบหมึกของเธอมาใช้กันบ้าง
และนี่ก็คือจุดกำเนิดน้ำยาป้ายคำผิด Liquid Paper
เมื่อมีความต้องการน้ำยาป้ายคำผิดมากๆ นางเกรแฮมจึงพัฒนาสีน้ำสีขาว และทำการผลิตที่บ้านออกจำหน่าย ด้วยการผสมสีขาวลงในเครื่องปั่น กรอกใส่ขวดยาทาเล็บ
เป็นอุสาหกรรมครอบครัวยาวนานถึง 17 ปี ต่อมาในปี ค.ศ.1979 เธอได้ขายกิจการให้บริษัทยิลเล็ต (Gillette) ในราคาที่สูงถึง 47.5 ล้านดอลลาร์
โดยสามารถผลิต Liquid Paper ได้ถึง 25 ล้านขวด ออกจำหน่ายไปทั่วโลก
แหล่งที่มาของข้อมูล
http://noo-ddd.blogspot.com/2011_04_01_archive.html
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น